6 สิ่งที่ไม่ฟรีที่เยอรมัน 6 Things not free in German

germanwithonya

6 สิ่งไม่ฟรี ที่เยอรมัน

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ หรือหลายคนที่อยู่เยอรมันอาจจะรู้แล้ว ว่าที่เยอรมันไม่มีของฟรี  555 วันนี้เราก็เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังว่ามีอะไรบ้างที่เยอรมันไม่ฟรี แต่ที่ไทยส่วนใหญ่จะฟรี อย่างแรกเลยคือ

  1. รถเข็น Einkaufwagen ตามซุปเปอร์มาเก็ตต่างๆ จะว่าฟรีก็ฟรี จะว่าไม่ฟรีก็ได้ คือรถเข็นที่นี่จะต้องเอาเหรียญ .50 เซ็นต์หรือ 1 ยูโร หรือเหรียญที่ออกแบบมาสำหรับเอาไปใส่รถเข็นเรียกว่า Einkaufwagenchip ไปใส่แล้วถึงจะดึงเอารถเข็นออกมาใช้ได้ และเมื่อซื้อของเสร็จแล้วก็เข็นรถเข็นมาคืนที่เดิมที่เอามาโดย ก็จะได้รับเหรียญคืนไป ซึ่งเป็นอะไรที่เป็นระเบียบเรียบร้อยมา แตกต่างกับที่ไทยที่คนส่วนใหญ่พอเข็นรถเข็นไปถึงรถและเอาของใส่รถแล้วก็จะปล่อยรถเข็นไว้ระเกะระกะแถวนั้นต่อไป (ดูรูปรถเข็นในคลิปได้นะ) 
  2. น้ำดื่ม Wasser ที่เยอรมันมีน้ำดื่มที่เป็นขวดๆ จะมีน้ำเปล่า 2-3 แบบ พูดง่ายๆ คือ น้ำโซดานั่นเอง หรือที่เรียกว่า  Kohlensäure  โดยจะมีแบบมีโซดาเยอะๆ หรือแบบโซดาน้อยๆ กับแบบไม่มีโซดา  ohne Kohlensäure   เราต้องเลือกเอาตามที่เราชอบได้เลย แต่อย่างเราขอดื่มแบบไม่มีโซดา ตามร้านอาหารดีๆ Restaurant จะไม่มีน้ำเปล่าบริการอยู่แล้ว แต่สำหรับร้านที่เรียกว่า Imbiss  หรือร้าน Metzgerei  ความคิดเราคือเป็นเหมือนร้านอาหารจานด่วน ขายอาหารง่ายๆ เช่น ขนมปังใส้กรอกทอด ใส้กรอกย่าง สลัดต่างๆ เป็นต้น  สำหรับมื้อกลางวันหรือแม้แต่ร้านอาหารไทย  ภายในร้านก็จะไม่มีน้ำดื่มไว้บริการ แต่จะมีตู้ขายน้ำให้เราซื้อ ซึ่งถ้าเป็นร้านอาหารตามสั่งหรือร้านทั่วไปของไทย บางร้านยังมีน้ำเปล่าใส่เหยือกวางไว้ให้เรากินฟรี หรือบางทีคิดค่าน้ำแข็ง 1 บาท อะไรประมาณนี้ แต่ที่เยอรมัน ราคาน้ำดื่มแพงพอๆกับเบียร์  แม้กระทั่งที่โรงแรมที่เคยพักน้ำดื่มก็ไม่มีให้ในห้อง เหมือนพักโรงแรมที่ไทย เช่นมีน้ำดื่มฟรี 2 ขวด ประมาณนี้  ที่สำคัญน้ำเปล่าตามก๊อกที่บ้านดื่มได้สะอาด แต่เราก็ไม่แน่ใจว่าทุกเมืองจะดื่มจากก๊อกได้หรือป่าวนะ
  3. ห้องน้ำ WC, Toilette  เป็นอะไรที่หายากมากแม้กระทั่งในห้าง ซึ่งไม่มีทุกชั้น ไม่ค่อยมีป้ายบอกด้วย เช่นห้างมี 5 ชั้น บางทีอยู่ชั้นบนสุด หรือชั้นใต้ดิน  แถมบางห้างมีการเก็บเงินค่าเข้าห้องน้ำด้วย เช่น มีตู้ให้จ่ายค่าเข้าห้องน้ำ ห้าสิบเซ็นต์หรือ หนึ่งยูโร แล้วแต่ และพอหยอดเหรียญเข้าไปก็จะมีสลิปออกมาให้เราเอาสลิปไปสอดประตูทางเข้าห้องน้ำถึงจะเข้าไปได้ หรือบางห้างไม่มีตู้หยอดเหรียญแต่จะมีโต๊ะวางจานสำหรับใส่เศษเหรียญ และจะมีพนักงานทำความสะอาดคอยดูอยู่เกือบตลอด ว่าเราจะให้ทิปมั้ยหลังจากเข้าห้องน้ำแล้ว คือเราจะให้หรือไม่ก็ได้นะ แต่ส่วนใหญ่ต้องให้เพราะพนักงานยืนจ้องดูอยู่ 555 ฉะนั้นเวลาใครจะไปเข้าห้องน้ำในห้างที่เยอรมันต้องเตรียมเศษเหรียญไปด้วยนะจ๊ะ
  4. ถุงพลาสติก Plastik Tüte สมัยก่อนตอนปี 2012 ตอนเรามาอยู่ใหม่ๆ ยังมีการให้ถุงพลาสติกไม่คิดเงินอยู่เลย เช่น เวลาเราไปซื้อเสื้อผ้าที่ร้าน H&M หรือ ร้าน Müller Markt  ถ้าเราซื้อของเค้าก็จะใส่ถุงพลาสติกให้เลย แต่พอมาปีต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้  มีการคิดเงินค่าถุงพลาสติกแล้ว ไม่ได้ให้ฟรีแล้ว ราคาถุงก็แล้วแต่ขนาดถุงว่าเล็กหรือใหญ่ เช่น 15 เซ็นต์  25 เซ็นต์ เป็นต้น ตอนจ่ายเงินเสร็จพนักงานจะถามเสมอว่ารับถุงมั้ย? ราคาเท่านี้นะ?   คือจะบอกว่าปกติเวลาไปซื้อของตามซุปเปอร์มาร์เก็ตคนที่นี่จะนำตระกร้า หรือ ถุง หรือ กล่อง ไปใส่ของที่ซื้อเสมอ และในซุปเปอร์มาร์เก็ตทุกแห่งจะมีถุงไว้ขายด้วยถ้าคนไหนอยากจะซื้อใส่ของ หรือบางคนลืมเอาตระกร้าหรือถุงจากบ้านไปใส่ของที่ซื้อ ซึ่งถุงที่ขายส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณก่อนถึงเคาร์เตอร์ที่แคชเชียร์คิดเงินเลย อีกอย่างที่อยากจะบอกคือ แคชเชียร์ที่นี่จะไม่มีบริการหยิบของใส่ถุงให้เรานะ เค้าจะทำหน้าที่แค่สแกนราคาของแล้ววาง เราต้องหยิบของที่เราซื้อใส่ตระกร้า หรือถุงที่เตรียมมาเอง ไม่เหมือนไทยเลย เราไปซื้อของพนักงานคิดเงินแล้วก็หยิบของใส่ถุงให้ แต่ที่นี่เราต้องทำเองนะจ๊ะ
  5. ที่จอดรถ Park Platz เรื่องของที่จอดรถส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยมีฟรี  แต่อาจจะมีจอดรถได้ฟรี 1-2 ชั่วโมง  โดยต้องใช้ป้ายเวลาจอดรถ ที่เรียกว่า Parkscheibe  วางไว้ที่คอนโซลหน้ารถเสมอ  เช่นถ้าเรามาถึง 8.30 น. เราก็ตั้งเวลาที่ Parkscheibe ไว้ 8.30 น. และจะจอดได้ตามเวลาที่เค้าระบุไว้ 1-2 ชั่วโมงตามนี้น  ต้องคอยระวังเพราะ บางทีจะมีตำรวจมาเดินตรวจ ถ้ารถใครไม่มีจะเสียค่าปรับ อันนี้เราโดนปรับมาแล้ว 10 ยูโร 😀 555  โดยเฉพาะยิ่งตามเมืองใหญ่ๆ ที่จอดรถหายากมาก และมีการคิดค่าที่จอดรถเป็นชั่วโมง เช่น ห้างสรรพสินค้าตามเมืองใหญ่ๆ 1 ชั่วโมงคิด 1.5 ยูโร หรือ 2 ยูโร แล้วแต่ห้างเลย  การจอดรถตามริมทางหรือริมถนนเป็นสิ่งผิดกฏหมาย ไม่อนุญาตให้จอดตามใจ อาจจะเสียค่าปรับได้ ฉะนั้นเวลาจะจอดรถต้องคอยดูป้ายเสมอว่า มีป้ายให้จอดได้ฟรีกี่ชั่วโมง หรือ มีตู้อัติโนมัติ Parkscheibe Automat ให้ไปเสียค่าจอดรถ  แล้วเอา Parkscheibe ที่ออกจากเครื่องเสียค่าจอดรถมาวางไว้ที่หน้ารถตรงคอนโซล  ที่นี่เป็นระเบียบมาก แตกต่างกับไทยอย่างสิ้นเชิง คือ ฉันอยากจอดตรงไหนฉันก็จะจอด และส่วนใหญ่ที่จอดรถไม่ค่อยเสียเงิน (มีรูป Parkscheibe และ Parkscheibe Automat ในคลิปนะ) 
  6. เรื่องของขยะ Müll คือที่นี่แต่ละบ้านจะมีถังขยะแยกเพื่อให้แยกขยะก่อนทิ้ง และจะมีรถขยะมาเก็บทุกอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ หรือเดือนละครั้งแล้วแต่ ทุกบ้านจะต้องมีการแยกขยะก่อนทิ่งเสมอ เช่น ถังขยะฝาเหลือง สำหรับทิ้งพลาสติก ถังขยะฝาดำสำหรับทิ้งขยะทั่วไป ถังขยะสีน้ำตาล สำหรับ Bio คือพวกเศษอาหาร ผลไม้ ผัก ทั้งหลาย และถังขยะฝาสีน้ำเงินสำหรับทิ้งกระดาษ ส่วนขยะอื่นๆ ที่จะต้องมีการนำไปทิ้งในที่ที่เค้าจัดไว้ เรียกว่า Wertstoffhof  ซึ่งขยะที่จะนำไปทิ้งที่ Wertstoffhof เช่น พวกกิ่งไม้ จากสวนที่เราตัด เศษปูน วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง จากการตกแต่งซ่อมแซมบ้าน เฟอร์นิเจอร์เก่า เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า เศษจานเก่า เสื้อผ้า หนังสือ  โต๊ะ ตู้ เตียงเก่า ไม้เก่า เหล็กเก่า และอื่นๆ อีกเยอะ ที่ไม่อนุญาตให้ทิ้งกับถังขยะปกติได้   คือ ถังขยะของแต่ละบ้านจะต้องมีการชำระเงินให้กับเมืองนั้นๆ ที่เราอยู่ทุกปี  ส่วนขยะที่เอาไปทิ้งที่ Wertstoffhof ก็มีบางอย่างที่ต้องจ่ายเงินด้วย เช่น เราเคยเอาพวกวัสดุจากการซ่อมแซมบ้าน วอล์เปเปอร์ กระดาษกาว และอื่นๆ ใส่ถุงดำไปทิ้ง จะมีพนักงานมาขอดู และเรียกเก็บเงิน โดนไป ถุงเดียว 4 ยูโร  ตอนหลังเลยมารู้ว่า ขยะบางอย่างเอาไปทิ้งได้ฟรี แต่บางอย่างจะต้องมีการจ่ายเงินสำหรับค่าทิ้งขยะด้วย ใครอยากเห็นรูปที่ Wertstoffhof ก็ดูได้จากคลิปเรื่องการจัดการขยะ นี้ได้เลยนะจ๊ะ

เท่าที่นึกออกในตอนนี้มีแค่นี้ก่อน ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมที่ไม่ฟรี จะมาเขียนเล่าไว้อีกในตอนที่ 3 (ถ้ามี) นะจ๊ะ

ใครขี้เกียจอ่านก็ดูจากคลิปวีดีโอด้านล่างนี้ได้นะจ๊ะ 

https://youtu.be/nkCztW0fHlMhttps://youtu.be/9f-8cZfogKk

Author : ผู้เขียน 

GERMANwithOnya

germanwithonya

Shopping Cart