การจับจ่ายใช้สอยที่เยอรมัน

การจับจ่ายใช้สอยที่เยอรมัน

เมืองที่เราเป็นเมืองเล็กๆ แต่ มีซุปเปอร์มาร์เก็ต เกือบครบ เช่น ALDI , LIDL , NORMA , Kaufland , EDEKA,  เป็นต้น และยังมี Drogerie markt ร้าน  Müller  เป็นร้านที่เราชอบมาก มีทุกอย่าง ของกิน ของใช้ ของเด็ก ซีดี เพลง เครื่องเขียน น้ำหอม เครื่องสำอางเป็นต้น   เครื่องสำอาง และน้ำหอม ถูกกว่าเมืองไทยอีก เพราะเคยซื้อกลับไปฝากเพื่อนที่ไทย ถูกกว่าหลักพันเลย

ถ้าใครอยู่เยอรมัน จะรู้ว่า ร้าน Müller เป็นร้านที่มีสาขาเยอะมาก เยอะกว่า DM , Rossman  เราคิดว่าเค้าซื้อสินค้าจากผู้ผลิตได้ราคาถูกกว่าที่อื่นเลยขายราคาถูกได้แถมมีสาขาเยอะทั่วเยอรมันเลย  และเวลาซื้อของยังได้รับส่วนลด 3% หลังใบเสร็จเพื่อให้ไว้ใช้ซื้อสินค้าครั้งต่อไปด้วยอันนี้ดีมากๆ ยิ่งสิ้นปี เครื่องสำอางค์ น้ำหอมลดราคาอีก และยังมีจัดชุดเป็นเซ็ทของขวัญ อีก ราคาถูกกว่าไทยมาก เช่น เครื่องสำอางลังโคม Lancome  พอจัดเป็นเซ็ทของขวัญ  ราคาถูกและคุ้มค่ามาก ปกติถ้าไม่จัดเป็นเซ็ทก็ถูกกว่าไทยหลักพันอยู่แล้ว อันนี้เราปลื้มมาก รอซื้อเวลามีเป็นเซ็ทประจำ

ถ้าใครอยู่เยอรมัน จะรู้ว่า ร้าน Müller เป็นร้านที่มีสาขาเยอะมาก เยอะกว่า DM , Rossman  เราคิดว่าเค้าซื้อสินค้าจากผู้ผลิตได้ราคาถูกกว่าที่อื่นเลยขายราคาถูกได้แถมมีสาขาเยอะทั่วเยอรมันเลย  และเวลาซื้อของยังได้รับส่วนลด 3% หลังใบเสร็จเพื่อให้ไว้ใช้ซื้อสินค้าครั้งต่อไปด้วยอันนี้ดีมากๆ ยิ่งสิ้นปี เครื่องสำอางค์ น้ำหอมลดราคาอีก และยังมีจัดชุดเป็นเซ็ทของขวัญ อีก ราคาถูกกว่าไทยมาก เช่น เครื่องสำอางลังโคม Lancome  พอจัดเป็นเซ็ทของขวัญ  ราคาถูกและคุ้มค่ามาก ปกติถ้าไม่จัดเป็นเซ็ทก็ถูกกว่าไทยหลักพันอยู่แล้ว อันนี้เราปลื้มมาก รอซื้อเวลามีเป็นเซ็ทประจำ

ซุปเปอร์มาเก็ตที่นี่ทุกที่จะมีโบว์ชัวร์จัดรายการสินค้าลดราคา เริ่ม วันจันทร์ ถึงวันเสาร์ แล้วก็จะเปลี่ยนใหม่ทุกอาทิตย์เลย     แต่ต่อมา Kaufland เพิ่งจะมาเปลี่ยนจัดรายการลดราคาสินค้าเป็นวันพฤหัส ถึง วันพุธ  แตกต่างจากเจ้าอื่นเลย  โดยปกติพอถึงวันเสาร์เย็นๆ หรือวันอาทิตย์ แล้วแต่คนส่ง จะเอาโบว์ชัวร์ต่างๆ พวกนี้ เอามาใส่ที่ตู้จดหมายของแต่ละบ้าน โดยเป็นรวมโบว์ชัวร์ของทุกซุปเปอร์มาร์เก็ตเลย    ส่วนวันอาทิตย์ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่นี่ปิดหมด ยกเว้น ร้านอาหาร ปั้มน้ำมัน

หน้าตาของโบว์ชัวร์แต่ละซุปเปอร์มาร์เก็ต

โบว์ชัวร์ร้านค้าเยอรมัน

ซุปเปอร์มาร์เก็ต เช่น ALDI, LIDL, Norma มีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ทุกอาทิตย์จะมีของมาจัดรายการลดราคา  เช่น เสื้อผ้าเด็ก เสื้อผ้าผู้ใหญ่ รองเท้า แต่มีมาจำนวนจำกัด เช่น มาแค่ 20 ชิ้น ถ้าเราไปช้า สินค้าอาจจะหมดได้ คือถ้าเริ่มต้นวันจันทร์ต้องไปแต่เช้า ตั้งแต่ 8 โมง  ส่วน Kaufland ค่อนข้างใหญ่กว่า และมีของกินของใช้ครบกว่า

การเปิดบริการส่วนใหญ่จะเปิดวันจันทร์ ถึง วันเสาร์ เวลา 7.00  – 20.00   เวลาเราอยากซื้อของที่จัดรายการที่ ALDI , LIDL  เราต้องไปแต่เช้า คือส่งลูกไป Kindergaten เสร็จต้องไปเลย  ในความรู้สึกเราถ้าเทียบระหว่าง LIDL กับ ที่ ALDI เราว่า ALDI มีจำนวนชิ้นเยอะกว่าและคุณภาพดีกว่า เวลาจัดรายการ   เคยไป LIDL แต่เช้าเหมือนกันแต่ของหมดละ หรือเหลือไม่กี่ชิ้น บางทีไปเสียเวลา ไม่มีของ ไม่มีไซค์

เวลาไปซื้อของเท่าที่สังเกตเห็นคนเยอรมันส่วนใหญ่เค้าจ่ายด้วยเงินสด หรือบัตรเดบิตเป็นส่วนใหญ่  โดยเฉพาะคนสูงอายุที่เราเห็นซื้อของทีเต็มรถเข็นคิดเงินมาทีเกือบร้อยยูโรแต่ เค้าก็จ่ายเงินสด  สำหรับเราถ้าไม่เกิน 10 ยูโร ก็จะจ่ายด้วยเงินสด  นิสัยคนเยอรมันไม่ค่อยนิยมใช้บัตรเครดิต อาจจะเป็นเพราะ ธนาคารที่เยอรมันอนุมัติบัตรเครดิตยากมาก เค้าไม่ได้ออกบัตรเครดิตให้ง่ายๆ เหมือนที่ไทย   และไม่มีการจัดโปรโมชั่นจ่ายด้วยบัตรเครดิตสะสมแต้มแบบเมืองไทย หรือจัดโปรโมชั่นร่วมกับห้างแบบซื้อของแล้วได้ลดเปอร์เซ็นต์หรือได้แต้มเพิ่ม หรือพอสมัครบัตรเครดิตมีของแถม หรือสะสมแต้ม อันนี้จากการถามสามีเรามา  และเวลาเราไปเดินห้างเมืองใหญ่ๆ เราก็ไม่เคยเห็นป้ายโปรโมชั่นของบัตรเครดิต เวลาใช้จ่ายค่าสินค้าเลย ไม่เหมือนเมืองไทย เวลาไปซื้อของที่ห้าง จะมีบอกเลย ว่าจ่ายด้วยบัตรเครดิตธนาคารนี้ ได้ส่วนลด หรือได้ของแถม เป็นต้น

อีกเรื่องคือการคืนของ เป็นอะไรที่ไม่ยุ่งยาก ง่าย สะดวกมาก  ถ้าเราซื้อสินค้าไปแล้ว เล็กไป หรือใส่ไม่ได้ หรือ มีตำหนิ หรือเสีย หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ เราสามารถเอาไปคืนพร้อมใบเสร็จรับเงิน ภายในเวลาที่กำหนดในใบเสร็จ โดยปกติถ้าเป็นซุปเปอร์มาเก็ตจะไม่เกิน 7 วัน โดยที่พนักงานไม่ถามอะไรให้วุ่นวาย แค่ให้เซ็นชื่อเท่านั้น เราจะได้เงินคืนเลย อันนี้เราเคยเอาหม้อหุงข้าวที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตหนึ่ง หุงไปสองที ไฟไม่ติด   เอาไปคืน เค้าก็คืนเงินมาเลย  แต่ก็มีบางที่อาจจะให้คืนมาเป็น Gutschein หรือบัตรเงินสดเพื่อใช้ซื้อสินค้าในครั้งต่อไป อย่างเช่น ร้าน H&M   ให้คืนสินค้าได้ภายใน 28 วัน  มีหนนึงเราซื้อกางเกงยีนส์แล้วไม่ได้ลองที่ร้านเพราะคนเยอะ เอามาลองที่บ้าน แต่ดันไม่ชอบ เอาไปคืนได้  ก็ได้คืนมาเป็น Gutschein สำคัญคือเราต้องเก็บใบเสร็จไว้และยังอยู่ในระยะเวลาที่กำหนด หรือร้านที่ขายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างบ้าน เช่น Toom, Bauhaus  เราซื้อวัสดุก่อสร้างมาเกินหรือใช้ไม่หมด เช่น ซื้อกระเบื้องมา 10 แพค แต่ใช้ไป 8 แพค อีก 2 แพคยังไม่ได้แกะก็เอาไปคืนได้ ซึ่งอย่างที่บอกเค้าก็คืนมาให้เป็น Gutschein เพื่อใช้ซื้อสินค้าในครั้งต่อไป   นี่เป็นอีกอย่างหนึ่งของประเทศนี้ที่เราชอบมากเลยอยากเขียนแชร์ให้ได้รู้กันนะจ๊ะ

ประโยคพูดเกี่ยวกับการเอาของไปเปลี่ยนหรือคืน มีในวีดีโอเลยจ้า <<<<

Shopping Cart